ท่ามกลางสายลมหนาว พวกเราเริ่มต้นการเดินทางที่หมอชิต สถานีขนส่งสายเหนือที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน ตั๋วรถถูกจับจองจนเกือบหมด เหลือไว้เพียงรถปรับอากาศชั้น 2 พอให้ไม่สิ้นหวังจนเกินไปสำหรับการแอ่วเหนือรับลมหนาวครั้งแรกของชีวิต
หลังจากเวลาได้กว่า 12 โมง ก็ถึงจุดหมายปลายทาง สายลมหนาวเย็นยะเยือกลอยกระทบหน้า รู้สึกเคว้งคว้างจนบอกไม่ถูก แต่แล้วความรู้สึกนั้นก็หายไปเมื่อได้ยินเสียงทักทายอย่างเป็นมิตรด้วยภาษาคำเมืองจากผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งยืนทอดยิ้มละไมอยู่ในกลุ่มคน เพื่อนเก่าของเรานั่นเอง พวกเราใช้เวลาในการตัดสินใจไม่นาน เพราะทางเลือกมีแค่ศาลาริมทางกับข้อเสนอของเจ้าบ้านเท่านั้น และแล้วความประทับใจแรกก็เกิดขึ้นที่นี่ ผ่านค่ำคืนแรกสู่เช้าวันใหม่กับอากาศที่หนาวเย็นกว่าเดิม พวกเราเริ่มต้นอีกครั้งที่เชียงของกับเป้าหมายเก่าที่ผาตั้ง รถสองแถวพาเราออกจากเชียงของตอนสายของวันนั้น ผ่านเส้นทางที่ราบสูงเลียบริมฝั่งโขงที่ทอดตัวยาวขนานไปตลอดเส้นทาง เวลากว่าอีก 3 ชั่วโมงกับเส้นทางธรรมชาติที่เหมือนถูกจัดวางไว้อย่างลงตัว ในที่สุดก็มาถึงผาตั้ง พวกเราจัดแจงเลือกทำเลกางเต็นท์ และลิ้มลองรสชาติของขาหมูหมั่นโถยูนานแสนอร่อยเป็นอาหารมื้อเย็นของวัน แสงสีทองอร่ามเริ่มทอดตัวบนท้องฟ้า บ่งบอกเวลาใกล้ค่ำ แสงสุดท้ายช่างสงบ เยือกเย็นแต่มีชีวิตชีวาไม่แพ้ผู้คนที่ทยอยกันมาเป็นเพื่อนบ้านของเราในคืนนี้ และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ค่ำคืนนี้ไม่เงียบเชียบจนเกินไป ความหนาวเหน็บมาเยือนเราอีกครั้ง พวกเราแอบมองตัววัดอุณหภูมิ เข็มกระดิกอยู่ที่ 11 องศาเซลเซียส หนาวเย็นจนนอนไม่หลับกันเลยทีเดียว แต่ด้วยมิตรภาพของคนแผ่นดินเดียวกัน เด็ก ๆ ชาวยูนานหลายคนที่เป็นไกด์ท้องถิ่นที่นี่ ต่างหอบหิ้วส้มสายน้ำผึ้ง ฟืนไฟและเตามาจากบ้าน มาให้ด้วยน้ำใจตามประสาเจ้าบ้านที่ดี พวกเราเลยสั่งขาหมูหมั่นโถมารับประทานด้วยกัน แก้หนาวกับเจ้าบ้านตัวน้อย เอร็ดอร่อยและอบอุ่นกันถ้วนหน้า
ใกล้รุ่งสางของอีกวัน พวกเรารีบเดินขึ้นเนิน 102-103 เพื่อไปรอชมทะเลหมอกและแสงแรกของที่นี่ เนินที่ค่อนข้างชันประกอบกับอากาศที่หนาวจัดทำให้การเดินทางไปยังจุดชมวิวค่อนข้างลำบาก แต่ทุกคนก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเมื่อลมวูบแรกปะทะตัวเป็นสัญญาณว่าเราขึ้นถึงยอดแล้ว เบื้องหน้าคือแม่น้ำโขงที่ลัดเลาะริมเทือกเขาผาหม่น มองดูลึกสุดลูกหูลูกตา ลมหนาวยังพัดมาตลอดเวลา ท้องฟ้ายังมืดมิด แต่เวลาไม่นานแสงแรกเริ่มโผล่จากขอบฟ้าของแผ่นดินลาว เหมือนของขวัญที่มีค่าสำหรับการรอคอย ดวงอาทิตย์กลมโตทอแสงสีส้มค่อย ๆ แยกตัวออกจากหมอกหนา ขึ้นสู่ฟ้าเบื้องบน เบื้องล่างถูกแทนที่ด้วยหมอกหนาราวกับทะเล พวกเราเฝ้ารอจนทะเลหมอกเหือดหายแต่ยอดดอยแห่งนี้ก็ยังไม่ทิ้งความงดงาม ท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มราวภาพวาด ตัดกับสีของดอกพญาเสื้อโคร่งสีชมพูได้อย่างลงตัว. ตอนสายของวันพวกเราจำต้องจากดอยผาตั้งเพื่อเดินทางไปยังเป้าหมายถัดไป แต่เรื่องราวของที่นี่จะฝังอยู่ในใจพวกเราตลอดเวลา ทุกมิตรภาพที่เกิดขึ้นพวกเรายังรอให้หมุนกลับมาอีกครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น